My Template

ลักษณะ ๑ บทบัญญัติทั่วไป (มาตรา ๑๒๔ - ๑๓๔)

 

ลักษณะ ๑
บทบัญญัติทั่วไป

-------------------------

               มาตรา ๑๒๔  ผู้ใดกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะกระทํานอกราชอาณาจักร ผู้นั้นจะต้องรับโทษในราชอาณาจักร ถ้าปรากฏว่า
               (๑) ผู้กระทําความผิดหรือผู้ร่วมกระทําความผิดด้วยกันคนใดคนหนึ่งเป็นคนไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
               (๒) ผู้กระทําความผิดเป็นคนต่างด้าวและได้กระทําโดยประสงค์ให้ความผิดเกิดขึ้นในราชอาณาจักรหรือรัฐบาลไทยเป็นผู้เสียหาย หรือ
               (๓) ผู้กระทําความผิดเป็นคนต่างด้าวและการกระทํานั้นเป็นความผิดตามกฎหมายของรัฐที่การกระทําเกิดขึ้นในเขตอํานาจของรัฐนั้น หากผู้นั้นได้ปรากฏตัวอยู่ในราชอาณาจักร และมิได้มีการส่งตัวผู้นั้นออกไปตามกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
               ทั้งนี้ ให้นําความในมาตรา ๑๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

               มาตรา ๑๒๕  ในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้ใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
               (๑) สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทําความผิดก่อนหรือขณะกระทําความผิด
               (๒) จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ยานพาหนะ สถานที่ หรือวัตถุใด ๆ เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทําความผิดถูกลงโทษ
               (๓) จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ที่ประชุม ที่พํานัก หรือที่ซ่อนเร้นเพื่อช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่ผู้กระทําความผิด หรือเพื่อช่วยให้ผู้กระทําความผิดพ้นจากการถูกจับกุม
               (๔) รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทําความผิดเพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทําความผิดถูกลงโทษ
               (๕) ปกปิด ซ่อนเร้น หรือเอาไปเสียซึ่งยาเสพติดหรือวัตถุใด ๆ ที่ใช้ในการกระทําความผิด เพื่อช่วยเหลือผู้กระทําความผิด
               (๖) ชี้แนะหรือติดต่อบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการกระทําความผิด
               ผู้ใดจัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ที่พํานักหรือที่ซ่อนเร้นเพื่อช่วยบิดา มารดา บุตร สามี หรือภริยาของตนให้พ้นจากการถูกจับกุม ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นหรือลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

               มาตรา ๑๒๖  ผู้ใดพยายามกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องระวางโทษตามที่กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นเช่นเดียวกับผู้กระทําความผิดสําเร็จ

               มาตรา ๑๒๗  ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท
               ถ้าได้มีการกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันตามวรรคหนึ่ง ผู้สมคบกันนั้นต้องระวางโทษตามที่กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น
               ในกรณีที่การกระทําตามวรรคหนึ่งมีลักษณะเป็นการกระทําขององค์กรอาชญากรรม ผู้กระทําความผิดต้องระวางโทษสองเท่าของโทษที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่ง
               เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ คําว่า “องค์กรอาชญากรรม” หมายความว่า คณะบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปที่รวมตัวกันช่วงระยะเวลาหนึ่งและร่วมกันกระทําการใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและเพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ทางวัตถุอย่างอื่น

               มาตรา ๑๒๘  ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กําลังบังคับ ใช้อํานาจครอบงําผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใดให้ผู้อื่นกระทําความผิดฐานผลิต นําเข้า ส่งออก จําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น

               มาตรา ๑๒๙  ผู้ใดยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อ เอกสาร หลักฐานของตน ในการเปิด จด หรือลงทะเบียนทําธุรกรรมทางการเงิน ซื้อสินค้าหรือบริการอื่นใด ยอมให้ใช้บัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซิมการ์ดโทรศัพท์ หรือยอมให้ผู้อื่นใช้สิ่งเช่นว่านั้น ซึ่งตนได้เปิด จด หรือลงทะเบียนไว้แล้ว โดยรู้หรือควรรู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

               มาตรา ๑๓๐  ผู้ใดรู้หรืออาจรู้ความลับในทางราชการเกี่ยวกับการดําเนินการตามประมวลกฎหมายนี้ กระทําด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นรู้หรืออาจรู้ความลับดังกล่าว เว้นแต่เป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

               มาตรา ๑๓๑  ห้ามผู้ใดเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่ส่งทางไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการสื่อสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศใด ซึ่งถูกใช้หรืออาจถูกใช้เพื่อประโยชน์ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้มาโดยคำสั่งอนุญาตของศาลอาญาตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดียาเสพติด เว้นแต่เป็นการเปิดเผยในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามคําสั่งศาล
               ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
               ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทําโดยกรรมการ ป.ป.ส. เลขาธิการ ป.ป.ส. รองเลขาธิการ ป.ป.ส. หรือเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ผู้กระทําต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่ก้าหนดไว้ในวรรคหนึ่ง

               มาตรา ๑๓๒  ผู้ใดกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดโดยแต่งเครื่องแบบหรือโดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นเจ้าพนักงาน ข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น พนักงานองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานอื่นของรัฐ ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้นอีกกึ่งหนึ่ง

               มาตรา ๑๓๓  ในกรณีที่ผู้กระทําผิดภาคนี้เป็นนิติบุคคล ต้องระวางโทษปรับสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น
               ถ้าการกระทําผิดของนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง เกิดจากการสั่งการหรือการกระทําของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทําการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทําการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทําความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น

               มาตรา ๑๓๔  บรรดายาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ หรือประเภท ๕ วัตถุออกฤทธิ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องจักรกล หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ใช้ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคําพิพากษาหรือไม่ก็ตาม